my cup cake

my cup cake

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

จัดอันดับ Kitkat (เก็บตกทริปญี่ปุ่น)

วันนี้เราสองคนไม่ได้พาไปชิมที่ร้านไหนค่ะ แต่เราจะมาจัดอันดับ Kitkat ของฝากยอดนิยมที่คนไทยชอบซื้อมาฝากกัน การจัดอันดับนี้เป็นแค่ความเห็นของเราสองคนเท่านั้นนะคะ อาจจะไม่ตรงใจกับเพื่อนๆ บ้าง อันนี้ก็แล้วแต่ความนิยมของแต่ละคนคงจะไม่ว่ากันน๊า...

หมายเหตุ ภาพอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เนื่องจากอากาศเมืองไทยร้อน กว่าจะถ่ายเสร็จบรรดา Kitkat ก็ทยอยละลายซะแล้ว

อันดับที่ 1 Kitkat รสสตรอว์เบอร์รี่ 70 Kcal
               หอมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่มาก รสชาติหวานมัน กินไปมาก็รู้สึกคล้ายๆ กลูลิโกะป็อกกี้รสสตรอว์เบอร์รี่อยู่เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะรสชาติที่คุ้นเคยกันดี และรู้สึกถึงกลิ่นและรสว่ามันเป็นสตรอว์เบอร์รี่จริงๆ  เราสองคนเลยยกให้รสนี้เป็นอันดับหนึ่ง

"รสสตรอว์เบอร์รี่ อันดับ 1 เอาไปเลย"

อันดับที่ 2 Kitkat รสชาเขียว 63 Kcal
                รสยอดนิยมที่สุดในบรรดา Kitkat ทั้งหลาย คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกวาดเรียบเกือบทุกราย (เราก็เป็นหนึ่งในนั้น) รสชาติหวานแสบคอพอสมควรแต่ก็ได้ความขมจากชาเขียวเล็กน้อยมาช่วยไว้เลยทำให้กินได้เรื่อยๆ (แต่ต้องกลั้วน้ำชาไปด้วยนะ)  ได้กลิ่นหอมของชาเขียวพอเป็นพิธี

"รสชาเขียวยอดนิยม รับอันดับ 2 ไป"

อันดับที่ 3 Kitkat รสพริกญี่ปุ่น  67 Kcal
               รสนี้ก่อนกินยอมรับว่าทำใจพอสมควร กลัวว่ามันจะเผ็ดจนร้องจ๊าก...เลยกัดคำเล็กๆ ก่อน ปรากฏว่าอร่อยมาก รสชาติช็อกโกเลตเข้มข้นมาก ออกขมๆ หน่อยเหมือนดาร์กช็อกโกแลต มีรสแฝงซ่าๆ ติดลิ้นนิดหน่อย เกือบจะยกตำแหน่งอันดับที่ 1 ให้อยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ติดว่ามันไม่ค่อยเผ็ดเลยอย่างที่ควรจะเป็น  เรียกว่าเสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นรสพริก ก็เลยถูกหักคะแนนไปแบบเฉียดฉิว (หรือเราเป็นคนกินเผ็ด...เลยไม่รู้สึกว่ามันเผ็ด ขออภัยหากเพื่อนๆ กินแล้วเผ็ด)

"รสพริกญี่ปุ่น ขมและหวาน แต่ไม่เผ็ด อันดับ 3 จ้ะ"

อันดับที่ 4 Kitkat รสชีสเค้กบลูเบอร์รี่  68 Kcal
                รสนี้โยกี้ค่อนข้างจะชอบ รสชาติหวานๆ เปรี๊ยวๆ ดี  เป็น Kitkat แบบไวท์ช็อคโกแลต  สาเหตุที่นำอันดับ 5 เนื่องจากความหอมของกลิ่นชีสเค้กและบลูเบอร์รี่นี่แหล่ะ

"อันดับ 4 รสชีสเค้กบลูเบอร์รี่ หวาน เปรี๊ยว หอมกลิ่นบลูเบอร์รี่"

อันดับที่ 5 Kitkat รสไวท์ช็อกโกแลต  70 Kcal
               ด้านนอกเคลือบด้วยไวท์ช็อกโกแลต ส่วนด้านในสอดไส้ช็อกโกแลต ความจริงก็อร่อยใช้ได้เลย แต่เราเป็นคนไม่ชอบกินไวท์ช็อกโกแลต อันดับเลยหล่นลงมา

"อันดับ 5 รสไวท์ช็อกโกแลต พอไหวๆ" 

อันดับที่ 6 Kitkat รสวาซาบิ   68 Kcal
               ถ้าหลับตากินจะไม่มีทางรู้เลยว่ามันเป็นรสวาซาบิ  ไม่มีความเผ็ด ความฉุน หรือแม้แต่กลิ่นของวาซาบิเลย (หรือประสาทรับกลิ่นของเราสองคนเสื่อมว๊า...) กลับหวานจนแสบทรวงเหมือนรสอื่นๆ แต่ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้อยู่ให้ผ่าน

"สุดท้ายอันดับ 6 รสวาซาบิ..."

สำหรับ Kitkat อีก 3 รสที่เหลือ เราสองคนลงความเห็นว่ารสชาติมันไม่ผ่านสำหรับเราสองคนเลย มาดูกันว่ารสไหนบ้างที่ไม่ถูกกับจริตของเราสองคน

Kitkat รสส้มโกลเด้นเบลนด์ หรือรวมส้ม 68 Kcal
สีของ Kitkat ก็ออกส้มๆ สวยดี ส่วนผสมประกอบด้วย มะนาว ส้ม และเลมอน ความจริงก็หอมกลิ่นส้มอยู่นะ รสชาติหวานๆ เปรี๊ยวๆ  พอกินแล้วก็ทำให้นึกถึงขนมเวเฟอร์รสส้มบ้านเรา (ซึ่งเราไม่ชอบเลย) ส่วนโยกี้กระซิบว่ารสชาติคล้ายๆ ขนมปี๊บ  เอ่อ...ก็คล้ายอยู่น๊า

"รสรวมส้ม...สีสันสดใส...แต่มันไม่ใช่ทางของเรา"

                  Kitkat รสมันม่วง 68 Kcal           
Kitkat สีม่วงอ่อนๆ  ได้กลิ่นมันนิดหน่อย รสชาติก็ไม่หวานเท่าไหร่นะ แต่รสมันมันยังไงไม่รู้ (อ้าว! ก็มันเป็นรสมันนี่)

"รสมันม่วง...มันคือมันอ่ะ เอ๊ะ..ยังไง"

Kitkat รสขนมแซนวิชขนมปังอบไส้ถั่วแดง 67 Kcal           
รสนี้ยอมรับว่ากินแค่คำเดียวแล้วเลิกเลย แต่ด้วยความเสียดาย เลยยัดเยียดให้โยกี้กินจนหมด รสชาติกินแล้วรู้สึกขมๆ  ขมเหมือนกำลังกินโสมเกาหลี กลิ่นก็เหมือนอีกต่างหาก เลยเอาซองมาดูว่าผิดรสหรือเปล่า

"รสขนมแซนวิชขนมปังอบไส้ถั่วแดง แค่ชื่อรสก็อลังการงานสร้างแล้ว...
                           แต่เราคงทำบุญกันมาไม่ถึง...ถึงไม่บรรลุถึงรสชาติที่เค้าอุตส่าห์รังสรรค์"
                         
สำหรับ Kitkat ที่นำมาจัดอันดับนี้ มีเฉพาะรสที่เราสองคนเคยได้กินกันเท่านั้น ยังมีอีกหลายรสชาติที่ต้องรอการพิสูจน์กันต่อไปในครั้งหน้าถ้ามีโอกาสค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ร้าน Niku King (Yakiniku Buffet) สาขารามอินทรา

     ประเดิมรีวิวร้านอาหารร้านแรกก็เป็น Buffet กันเลยเชียว...ร้านที่เราพูดถึงคือร้าน  Niku King (Yakiniku Buffet) ทำไมต้องเป็นร้านนี้??? จากประสบการณ์การเป็นนักกินของสองอ้วนอย่างเรา  ลงความเห็นว่าร้านปิ้งย่างร้านนี้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปเป็นอย่างยิ่ง (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของเราสองคนนะ คนอื่นจะคิดต่างก็ไม่ว่ากันค่ะ)

     Niku King (Yakiniku Buffet) เป็น Buffet ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 530 บาท และเด็กความสูงต่ำกว่า 120 เซนติเมตร คิดราคา 260 บาท ราคานี้เป็นราคา net แล้ว สามารถกินได้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง (ทุกครั้งที่ไป เราสองคนไม่เคยกินถึง 2 ชั่วโมงซะที จุกกันก่อนหมดเวลา) สำหรับร้านมีอยู่ด้วยกัน 3 สาขา มีสาขา The walk ราชพฤกษ์ สาขารามอินทรา 57 และสาขา Condo Belle พระราม 9  ซึ่งสาขาที่เรามาประจำคือ สาขารามอินทรา (ขอ update ข้อมูลร้านหน่อยนะคะ ปัจจุบันได้ปรับราคาสำหรับผู้ใหญ่เป็น 560 บาท ส่วนเด็กยังเป็นราคาเดิมอยู่ค่ะ โดยมีการเพิ่มเมนูใหม่มาอีก 2 เมนู และได้มีสาขาเพิ่มมาอีก 1 สาขาคือ สาขาโครงการ The Up พระราม 3 ค่ะ ดูรีวิวเมนูเพิ่มเติมได้ตาม link นี้ได้เลยจ้า) 

     สาเหตุที่รู้จักร้านนี้เนื่องจากโยกี้นี่แหล่ะที่อยากจะกินพวกซูชิซาซิมิ กินมาหลายร้านก็เริ่มเบื่อ เลยลองหาร้านใหม่จาก internet ก็ไปเจอร้าน Sushi Hiro ที่ปากซอยรามอินทรา 57 พอไปถึงปรากฏว่าไม่ใช่มีเพียงร้าน Sushi Hiro เท่านั้น ยังมีร้าน Tetsuya ซึ่งเป็นร้านลักษณะ Izakaya (ร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น เน้นอาหารประเภทกับเเกล้ม) และร้าน  Niku King (Yakiniku Buffet) วันนั้นเราก็กินที่ร้าน Sushi Hiro กัน (อร่อยขั้นเทพ ราคาก็เทพพอกัน) แต่ก็แอบหมายตาร้านปิ้งย่างนี้ไว้อยู่ จากที่หมายตาไว้ก็กลายเป็นร้านประจำ ถ้านึกถึงร้านปิ้งย่างเราสองคนต้องมาร้านนี้เท่านั้น (ปัจจุบันที่สาขารามอินทราไม่มีร้าน Tetsuya แล้วนะคะ เหลือแค่ร้านSushi Hiro และร้าน  Niku King) 

     เกริ่นมาตั้งนานเรามาดูหน้าตาร้าน Niku King (Yakiniku Buffet) และเมนูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 


"ร้าน Niku King ซ้าย ร้าน Sushi Hiro ขวา" 

"วันนี้เข้าทางซ้าย"
"ถึงราคาจะเพิ่มแต่ก็มีเพิ่มเมนูนะ..ให้อภัยๆ"

"เข้าใจกติกาตรงกันนะ"
"จากซ้ายไปขวา- ป้ายกติกาเพิ่มเติม น้ำมะนาว โชยุ บาร์บีคิวซอส ซอสเกาหลี กระเทียมบด พริกซอย และกระดาษทิชชู่พร้อม"

"เครื่องปรุงน้ำจิ้มดูกันชัดๆ ปรุงกันตามใจชอบ"


"อุปกรณ์การรับประทานพร้อม"

"เครื่องดื่มพร้อม-รีฟิวไม่อั้น"

"เตาถ่านติดไฟพร้อม"

"น้ำจิ้มก็ปรุงพร้อม"
"บรรยากาศภายในร้าน"
"เมนูซูชิ ซาเซมิ ผัก เครื่องเคียง ข้าว ซุป ของหวาน และเครื่องดื่มไม่อั้น ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ต้องจ่ายเพิ่ม"

"เมนูปิ้งย่างแบบจัดเต็ม"

"เห็ดออรินจิ ขนาด 2 ที่"

"ลิ้นวัว ขนาด 1 ที่ "

"เนื้อติดมัน  ขนาด 1 ที่"

"เนื้อลาย ขนาด 2 ที่"

"หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ขนาด 2 ที่ และกุ้งแม่น้ำ ขนาด 1 ที่"

"ปลาหมึก ขนาด 1 ที่"
"เนื้อลายของโปรดโยกี้ หวาน หอม ชุ่มฉ่ำ"

"เนื้อติดมัน ย่างไปมาชิ้นเนื้อจะหดลงเรื่อยๆ เพราะไขมันละลาย...หวาน อร่อยดี"

"ได้เวลาอาหารทะเลแล้ว ถ้ามีน้ำจิ้ม seafood น่าจะอร่อยยิ่งขึ้น"

"หอยตัวใหญ่สะใจดี...แต่ตั้งใจสั่งแค่ 1 ที่ มาซะเยอะเชียว"

"เนื้อลายขนาด 2 ที่ จานนี้โยกี้สั่งซ้ำ"

"กุ้งแม่น้ำขนาด 1 ที่ จานนี้เราสั่งซ้ำ กุ้งสดมากเนื้อแน่น อร่อยสุดยอด"

"ย่างเสร็จแล้ว เอามากองผึ่งแอร์ไว้ก่อน แกะตอนนี้ก็ร้อนซิครัช"

     แต่หลายคนอาจจะคิดว่าปิ้งย่างที่ไหนๆ ก็น่าจะเหมือนกัน ซึ่งอาจจะจริง แต่ก็ไม่จริงทั้งหมด ร้านนี้ทีเด็ดอยู่ที่ซูชิและซาซิมิต่างหาก ซูชิและซาซิมินี้น่าจะเสิร์ฟมาจากร้าน Sushi Hiro ซึ่งแล่กันสดๆ ปั้นกันใหม่ๆ กันเลยที่เดียว ไม่ปั้นทิ้งไว้จนแห้งเหี่ยวเหมือนที่อื่น (นึกถึงตอนไปกินซูชิร้านดังที่ญี่ปุ่น ยังชอกช้ำไม่หาย ดูเรื่องราวความทรงจำอันปวดร้าวได้ที่นี่นะจ๊ะ http://kitty-and-yogi.blogspot.com/2014/05/9-2557-3.html) เมนูซูชิและซาซิมินี้ก็เป็น Buffet เหมือนกัน แต่จำกัดประเภทมีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ แต่แค่กินซูชิหรือซาเซมิปลาแซลมอนก็ฟินแล้ว 


"มาแล้วสิ่งที่รอคอย...อาจจะได้ช้านิดนึง เพราะแล่กันสดๆ เลย..ที่สั่งมารอบแรก
ซาเซมิแซลมอน ขนาด 3 ที่ และไข่หวานย่าง ขนาด 2 ที่"

"น่ากินเป็นที่สุด...ไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่นก็ได้นะ...ซูชิปลาแซลมอน ขนาด 2 ที่ และซูชิไข่กุ้ง ขนาด 1 ที่"

"ไข่หวานย่าง ชอบมาก ไม่หวานจนเกินไป สั่งเพิ่มมาอีก 2 ที่"

 
"จุกพอละ ซดซุปมิโสะปิดท้าย"


"น้ำแข็งไสบ๊วย...ตัวช่วยแก้เลี่ยน"

"ก่อนกลับแวะห้องน้ำล้างมือก่อน..แหม! เล่นแกะกุ้งซะมือมันแผล็บขนาดนี้ จะเก็บกลับไปล้างที่บ้านคงจะไม่ไหวนะ"

"ระหว่างนั่งรอเข้าห้องน้ำ ก็นั่งชมปลาคราฟไปพลางๆ ก่อนได้
(คงไม่ได้เอาไปทำซาซิมิชิมิ...บ่อเนี้ย)
     

     อิ่มหนำสำราญกันแล้วสำหรับรีวิวแรก รีวิวต่อไปจะเป็นร้านไหน ไว้จะมาเล่าในคราวหน้านะครัช....