my cup cake

my cup cake

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Tuna Ichiban สาขาพัฒนาการ

วันนี้โยกี้และคิตตี้จะพาไปชมและชิมอาหารญี่ปุ่นในราคาย่อมเยาว์ แต่คุณภาพเกินราคากัน ร้านนี้มีชื่อว่า “Tuna Ichiban” หลายๆ คนที่ชอบอาหารญี่ปุ่นคงคุ้นๆ กับชื่อร้านนี้มาบ้าง มีทั้งที่รีวิวต่อว่าบ้าง รีวิวชมเชยบ้าง ช่างน้ำหนักดูแล้วก็สูสีๆ สำหรับร้าน Tuna Ichiban ในกรุงเทพฯ เท่าที่ทราบมีอยู่ 2 สาขา คือ สาขาสีลม และสาขาพัฒนาการ แต่ที่เราสองคนพามารีวิววันนี้เป็นสาขาพัฒนาการ 31/1 ซึ่งจริงๆ แล้ว เราสองคนเคยมาที่สาขานี้แล้วครั้งนึง นานมากมาแล้วน่าจะเป็นปี ตอนนั้นมาทานเป็นบุฟเฟต์กัน แต่รู้สึกว่าทานแล้วไม่ค่อยคุ้ม เพราะทานกันน้อยเกิน สั่งมามากก็กลัวทานไม่หมด พาลจะถูกปรับซะเปล่าๆ อีกอย่างอาหารก็ค่อนข้างจะถูกมากอยู่แล้วด้วย คิดไปคิดมาตอนนั้นถ้าทานแบบ A la carte น่าถูกกว่านะ
จากสายไหมมาพัฒนาการเพื่อร้านนี้ซินะ
พื้นที่วางอาหารหน้าเคาน์เตอร์ดูแล้วคงไม่พอสำหรับเราสองคน 555

บรรยากาศภายในร้าน
วันที่เรามาเป็นวันอาทิตย์ ร้านเปิดตั้งแต่ 11 โมง ถึง 4 ทุ่ม พอเข้ามาในร้านปุ๊บรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง สิ่งแรกคือ การนำเสนอเมนูที่เปลี่ยนไปจากเมนูแบบเล่มๆ ก็กลายเป็น ipad ซะแล้ว เก๋ไก๋ซะไม่มี ส่องดูแล้วดูเหมือนจะไม่มีบุฟเฟต์นะ (มีหรือเปล่าไม่รู้ ลืมถามมาซะด้วยซิ) แต่ยังไงก็แล้วแต่วันนี้เราสองคนตั้งใจว่าจะทานแบบ A la carte กันอยู่แล้ว มาดูเมนูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนหนึ่งของบรรดาเมนู ราคามันถูกเหลือเชื่อ







สั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เตรียมพร้อมลงมือกันได้เลย
ชานมไข่มุก แก้วนี้ราคา 30 บาท รสชาติสมราคา แต่สำหรับเราชานมไข่มุกร้านไก่ทอง ยังเป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ ยังไม่มีร้านไหนมาโค่นล้มได้ (ทั้งราคาและรสชาติเล่นเอาน้ำตาเล็ด)
ยำไทยปลาดิบรวม (Thai Spicy Seafood) ราคา 77 บาท เป็นการนำซาชิมิหลายๆ อย่าง เช่น  ปลาแซลมอน ปลาทูน่าธรรมดา ปลาทูน่าขาว ปูอัด มายำกับน้ำยำรสชาติจัดจ้าน ถูกใจเราที่สุด กินหมดชามเลย หอมใหญ่ยังไม่เหลือ 555
ข้าวปั้นปลาดิบรวม (Nigiri Set) ราคา 111 บาท มีทั้งหมด 5 คำ  มีปลาซาบะดอง  ปลามารีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า(ซีดเชียว) และปลาทูน่าขาว จานนี้ดูเหมือนเราจะได้กินแต่ปลาแซลมอน ที่เหลือเสร็จโยกี้หมด
ซาชิมิปลาแซมอน 99 บาท และซาชิมิปลาฮามาจิ 99 บาท อร่อย สด เต็มปากเต็มคำ โดยเฉพาะปลาฮามาจิอร่อยสุดยอด
ข้าวปั้นหน้าหอยเชลล์ (Hotate Nigiri) 2 คำ 79 บาท อร่อยสุดยอด นุ่มลิ้นสุดๆ ไม่คาวเลย อร่อยจนต้องสั่งรอบสองเลย 
เบิ้ลอีกรอบ รอบนี้เราจัดไปเลยคนเดียว อิๆ
Salmon Aburi Nigiri 1 เซตมี 3 คำ เซตละ 29 บาท จำกัดสั่งได้ไม่เกินคนละ 1 เซต เราไป 2 คน ก็จัดไปเลยคนละเซต ถูกซะขนาดนี้ พลาดได้ไงกัน แถมอร่อยด้วย
ปลาหมึกย่างเกลือ (Ika Shioyaki) 66 บาท ปลาหมึกอวบเนื้อหนาแถมแน่น แต่ไม่เหนียว ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดคงอร่อยสุดยอดไปเลย
ข้าวห้อสาหร่ายแบบกรวยทูน่าสับ (Negituna Temaki) 44 บาท ผิดหวังกับเมนูนี้นิดนึงตรงสาหร่ายห่อข้าวมันเหนี๊ยวเหนียว รสชาติทูน่าสับก็ไม่ค่อยจะถูกปากเท่าไหร่ แต่สำหรับราคา 44 บาทก็ให้อภัยได้ แต่ถ้าคิดราคาเต็ม 90 บาท ก็ต้องขอร้องไห้แป๊บ 
Angel Shrimp Sashimi คำละ 89 บาท ขอยกให้เมนูนี้เป็นอันดับ 1 ของเมนูที่สั่งมาทั้งหมด ขนาดว่าสั่งเพิ่มมาเป็นอย่างสุดท้าย ทั้งๆ ที่ควรจะอิ่มได้แล้วก็ยังรู้สึกว่าอร่อยมาก เนื้อกุ้งเด้งแน่นนุ่มหวานไม่คาวเลย แถมคุณ Chef ทอดหัวกุ้งมาให้เสร็จสรรพ ทานได้ทั้งหัวเลย อร่อยมากๆ ตอนแรกเห็นรูปในเมนูเป็นหัวกุ้งสดๆ ก็ยังคิดในใจอยู่ว่าน่าเสียดายหัวกุ้งอยู่เลย 555
สรุปค่าเสียหาย สั่งไปทั้งหมด 13 รายการ (รวมน้ำชาแบบรีฟิวของโยกี้ 20 บาท) เป็นเงิน 1,002 บาท ถ้าเป็นร้านอื่นๆ สั่งขนาดนี้ก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 2,000 บาท ถือว่าคุ้มนะ
จากประสบการณ์วันนี้ (ณ วันที่ 23 พฤศจิกายน 2557) ในความคิดเห็นส่วนตัวของเราสองคน เราว่าการบริการของสาขาพัฒนาการถือว่าดีนะ ไม่มีข้อใดให้ติติงได้เลย อาหารก็คุณภาพดีถึงดีมาก (ยกเว้น Negituna Temaki ที่ไม่ค่อยถูกปากเราเท่าไหร่) ราคาก็ไม่แพงจนเกินไป ถือว่าผ่าน หากยังคงรักษาการบริการ คุณภาพของอาหาร และราคาได้แบบวันนี้  ต่อให้บ้านเราไกลมากแค่ไหน เราสองคนก็ต้องมาอีกแน่นอน

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ร้าน Niku King (Yakiniku Buffet) สาขารามอินทรา (ภาค 2)

กลับมาอีกครั้งกับการรีวิวร้าน Niku King (Yakiniku Buffet) สาขารามอินทรา  ร้านนี้เราเคยรีวิวไปแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557  สามารถหาอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดได้ตาม link นี้นะคะ สาเหตุที่ต้องมารีวิวร้านนี้เพิ่มเติม เนื่องจากได้มีการเพิ่มเมนูใหม่ 2 เมนูพร้อมๆ กับการปรับราคาสำหรับผู้ใหญ่จาก 530 บาท เป็น 560 บาท ส่วนเด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร คิดราคา 260 บาทเหมือนเดิมจ้า ไปดูกันดีกว่าว่า 2 เมนูใหม่ที่ว่ามันคืออะไร

เมนูบรรดาของดิบ ข้าวปั้น ผัก ของหวาน เครื่องดื่มก็ยังเหมือนเดิม

เมนูใหม่อยู่ไหนน๊า...
เจอแล้ว...เนื้อเป็ดและฟัวกราส์แซลมอนโรลนั่นเอง
แต่ก่อนที่จะลงมือสั่งอาหารเรามาดูกฏ กติกา มารยาทก่อนดีกว่าว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือเปล่า
กติกาตามนี้เลยนะคะ

การทานอาหารประเภท Buffet ให้อร่อย คือการทานแต่พอดี ถ้าอิ่มเกินกว่าที่ท้องเราจะรับไหว ความอร่อยในตอนแรกมันจะกลายเป็นความทรมาน 555 (เป็นมาแล้ว) ดังนั้น หลังๆ เราจะสั่งมาอย่างละ 1 ที่ก่อน ไม่พอค่อยว่ากันใหม่ (แต่ยกเว้นซาชิมิและซูชิ ส่วนใหญ่สั่งครั้งแรกมากกว่า 2 ที่เสมอ ไม่งั้นมีตบตีแย่งชิงกันแน่นอน 555) 
ปลาหมึกของโปรดมาก่อนเพื่อน...

ตามมาด้วยหอยแมลงภู่ตัวโตๆ ปลาซาบะ และกุ้งแม่น้ำ

กิมจิแก้เลี่ยน

ไส้กรอกหมูญี่ปุ่น

เบคอน
วันนี้เราไปกันสามคน สองคนนั้นกินไม่รอกันเลย 
คอหมูสุดอร่อย

เนื้อลายของโยกี้
จิบโคล่ารอเป็ดไปพลางๆ 
เนื้อเป็ดมาแล้ว เหมือนจะโรยพริกไทยดำกับงาขาวมาด้วยนะ
ย่างเนื้อเป็ดแล้ว...รอ ร๊อ รอ...
เนื้อเป็ดพอย่างสุกแล้ว หอมมาก เนื้อเหมือนจะเหนียว แต่ก็ไม่เหนียว เคี้ยวพอหนุบหนับๆ  ถ้ากินเปล่าๆ แบบไม่จิ้มน้ำจิ้มก็จะจืดนิดนึงแต่จะได้ความรู้สึกถึงรสชาติเป็ดแบบแท้ๆ  แต่ถ้าจิ้มน้ำจิ้มก็จะฟินมากขึ้นนะ
ซาชิมิปลาแซลมอนกับไข่ย่างมาแล้ว อร่อยมากเหมือนเดิม

ซูชิปลาแซลมอนไม่พลาดที่สั่งทุกครั้ง
มา...มา...มาแล้วฟัวกราส์แซลมอนโรลที่รอคอย
ฟัวกราส์แซลมอนโรลหน้าตาดูดีมาก เอาเข้าปากทีเดียวทั้งชิ้นเลย โอ๊ยจะละลาย ทั้งปลาแซลมอน ทั้งข้าวและน้ำซอสเข้ากันมาก รสชาติออกจะหวานๆ หน่อย ถูกใจคนชอบหวาน สำหรับเราถือว่าอร่อยมากนะ แต่เอ๊ะ...ทำไมไม่รู้สึกถึงฟัวกราส์เลย เพราะเรามัวแต่ฟินกับปลาแซลมอนของโปรดเลยลืมไปเลยว่ามีฟัวกราส์เป็นไส้อยู่ข้างใน โยกี้เลยแงะฟัวกราส์ออกมาจากไส้ข้าวปั้นลองชิมดู แล้วบอกเราว่ารสสัมผัสนุ่มๆ เนียนๆ เหมือนเครื่องในปลาทู...อืม...เปรียบเทียบซะ 
ซูชิปลาซาบะ 
เมนูสุดท้ายสำหรับมื้อนี้ ซูชิปลาซาบะ ปกติไม่เคยสั่งเลยนะ เคยคิดว่าจะเป็นปลาซาบะแบบดิบๆ ไม่ชอบกินปลาซาบะแบบดิบๆ หรือว่าดองน้ำส้มสายชู  แต่โยกี้อยากจะลองตั้งแต่ตอนที่ไปกินที่สาขา the walk ราชพฤกษ์ แล้ว แต่หมดซะก่อน คราวนี้ลองดูอีกครั้ง ปรากฏว่าอร่อยอ่ะ ไม่เหม็นคาวเลย  มาคราวหน้าต้องสั่งอีกแน่นอน สำหรับมื้อนี้ก็จบแค่นี้นะคะ ไว้ถ้าเจอร้านใหม่ๆ จะมาเล่าให้ฟังใหม่ค่ะ 

สำหรับโปรโมชั่นต่างๆ สามารถหาดูได้จาก facebook ของร้านตามนี้เลยค่ะ www.facebook.com/NikuKing  ส่วนแผนที่ของร้านทั้ง 4 สาขาตามนี้เลยค่ะ (ภาพแผนที่จากร้าน Niku King)



วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Anya's Place Restaurant

วันนี้จะพามาชิมอาหารที่ร้าน Anya's Place กันนะคะ ร้านนี้เราค้นพบด้วยความบังเอิญจากการ search หาข้อมูลของโยกี้แบบปัจจุบันทันด่วน โดยมีโจทย์ว่าขอร้านที่อยู่แถวๆ ศาลายา(เนื่องจากวันนี้ครอบครัวเราไปธุระแถวๆ นั้น เลยถือโอกาสเลี้ยงฉลองวันเกิดย้อนหลังกัน) ร้านนั่งสบายๆ อาหารหลากหลาย และมีเบเกอรี่อร่อยๆ 

ร้านตั้งอยู่เลียบคลองทวีวัฒนาตามแผนที่ด้านล่างนี้เลย หาไม่ยากค่ะ เราก็ใช้ google map นำทางมาแบบสบายๆ ไม่มีหลงแน่นอน 
"แผนที่ร้าน Anya's Place ข้อมูลจาก www.anyaplace.com"

วันนี้ไม่ได้เอากล้องเทพมา เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจจะไปรีวิวร้านอาหารที่ไหน แต่พอมาเจอร้านนี้อดไม่ได้จริงๆ ค่ะ ยังไงก็ต้องรีวิวให้ได้ เลยใช้กล้องไอโฟน 5  หากภาพชัดบ้างไม่ชัดบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ

สำหรับที่จอดรถก็มีพอสมควร บรรยากาศของร้านก็ดีมาก ร่มรื่นดี ขนาดเวลากลางวันบรรยากาศยังรู้สึกโอเคเลย  ถ้าเป็นเวลากลางคืนก็น่าจะสวยมาก โยกี้ยังบ่นเสียดายว่าอยู่ไกลบ้านเราไปหน่อย ไม่งั้นคงได้มานั่งเล่นชิมบรรยากาศยามค่ำคืนดูบ้าง
"ใกล้ๆ ทางเข้าร้านเป็นส่วนที่ทำพิซซ่า มีกระจกโชว์การทำพิซซ่าให้ลูกค้าได้เห็นด้วย เสียดายที่ฝนตก เลยไม่ได้ลงจากรถไปถ่ายรูปเลย"
"บรรยากาศด้านนอกของร้าน"

"กล้วยไม้ออกดอกดกมากๆ ดูแล้วสดชื่นดีจัง"

"ส่วนหนึ่งของร้านเป็นร้านที่ขายไวน์ต่างๆ คนชอบไวน์ไม่น่าพลาด"
"บรรยากาศภายในร้าน ด้ายซ้ายมือเป็นมุมเบเกอรี่ ด้านขวามือเป็นไอศครีมหลากรสชาติ"

"กระจกใสทำให้มองเห็นวิวด้านนอก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินข้าวอยู่ที่บ้านเลย"
เอาล่ะ กินบรรยากาศมาเยอะแล้ว มาลองชิมอาหารกันซะทีดีกว่า มื้อกลางวันของเราวันนี้ก็ปาไปเกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ตอนนี้ป๊ะป๋าหิวจนจะเป็นลมแล้ว

สำหรับเมนูอาหารมีทั้งอาหารไทย อาหารสไตล์ยุโรป  เบเกอรี่ และ เครื่องดื่มต่างๆ ทั้งที่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีแอลกอฮอล์ เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวได้ชิมอาหารและเครื่องดื่มแบบครบครัน เหมาะสำหรับครอบครัวที่นิยมอาหารสไตล์ต่างกัน อย่างเช่นครอบครัวเราที่แม่ พี่สาว และโยกี้นิยมอาหารแบบไทยๆ ส่วนเรากับป๋านิยมแนวตะวันตก win -  win กันทั้งครอบครัว

พอมานั่งที่โต๊ะปุ๊บพนักงานน่ารักๆ ก็จะมาเสริ์ฟน้ำเย็นกันเลย ยกมาเป็นขวดๆ ขวดแก้วขนาดใหญ่สามารถเติมกันเองได้ตามอัธยาศรัย แบบไม่คิดเงินด้วย (ดีจัง)
"อุปกรณ์พร้อม...อาหารจงมา อาหารจงมา"

อาหารอย่างแรกที่ถูกเสิร์ฟมาคือ "ต้มยำเห็ดโคนญี่ปุ่น" เหมาะสำหรับคนที่เป็นมังสวิรัต เพราะไม่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์เลย เครื่องต้มยำถึงเครื่องมาก มากันทั้งสวนครัว แต่พระเอกของชามนี้คือ เห็ดโคนญี่ปุ่นที่กรุบมากๆ เคี้ยวเพลินดี รสชาติก็จัดจ้านถูกใจทั้งครอบครัว โดยเฉพาะคุณโยกี้ที่ปลื้มมาก  เว้นแต่พี่สาวที่บอกว่าเปรี๊ยวไปนิดนึง  


"ต้มยำเห็ดโคนญี่ปุ่น รสชาติจัดจ้าน ถูกใจคนชอบรสเปรี๊ยวนำ"

ไม่นานอาหารจานที่สองก็ตามมาติดๆ เป็นของป๊ะป๋า เหมือนพนักงานจะรู้ว่าใครหิวจริง คงดูจากสีหน้า จานของป๊ะป๋าเลยถูกเสิร์ฟมาก่อน ที่ป๊ะป๋าสั่งคือ "มักกะโรนีแฮมอบชีส" ส่วนประกอบหลักๆ ได้แก่ มักกะโรนี แฮม และชีส (แหง๋ซิ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วนี่นาว่ามีอะไรบ้าง 555) จานนี้กลิ่นของชีสที่ถูกอบจนเกรียมหอมมากๆ เห็นแล้วก็คิดว่าเมื่อไหร่จานของเราจะมาซักที


"มักกะโรนีแฮมอบชีส...ไม่ได้ชิมแต่ดูจากที่ป๊ะป๋าจัดการซะเรียบก็คงใช้ได้อยู่"

จานที่ 3 เป็นของโยกี้ มันคือ "ข้าวผัดหมูสับหนำเลี๊ยบ" โยกี้นำส่วนประกอบทุกอย่างได้แก่ หมูสับ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ขิง พริกขี้หนู และมะนาว คลุกรวมกันกับข้าวผัดหนำเลี๊ยบก่อนบรรจงตักเข้าปาก หลังจากนั้นก็ได้ยินโยกี้ชมไม่ขาดปากว่าอร่อยๆ แบบไม่ได้ยินคำติจากโยกี้เลย แสดงว่ามันคงจะอร่อยจริงๆ นะ ว่าแต่ทำไมเราไม่ได้ชิมด้วยล่ะนี่
"ข้าวผัดหนำเลี๊ยบของโยกี้ที่กินไม่แบ่งใครเลย"
จานที่ 4 เป็น "ข้าวผัดมันกุ้ง" ของแม่ ข้าวเป็นข้าวผัดกับมันกุ้งและไข่ เคียงด้วยกุ้งแม่น้ำที่น่าจะถูกทอดมา  จานนี้แม่บอกว่าข้าวผัดรสชาติดี แต่กุ้งเนื้อแห้งไปหน่อย ถ้าเนื้อกุ้งฉุ่มฉ่ำกว่านี้จานนี้คงจะอร่อยแบบสมบูรณ์แบบเลย
"ข้าวผัดมันกุ้ง...รสชาติข้าวผัดผ่านฉลุย"
จานที่ 5 เป็นของพี่สาว จานนี้คือ "ข้าวปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย" จานนี้เจ๊บอกว่าอร่อยแบบปกติทั่วไป แต่ปลาหมึกสดมากไม่รู้สึกเหม็นคาวเลย (เจ๊เค้าค่อนข้างมีประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม) จานนี้ให้ผ่าน


"ข้าวปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย...จานนี้ผ่านฉลุยอีกเช่นกัน"
จานที่  6 มาแล้ว มันคือ "Pizza Lardo e Funghi (พิซซ่าลาโด้เอฟุงกี้)" เป็นพิซซ่าที่ประกอบด้วย เห็ดสามอย่าง เบค่อน ชีส และซอสมะเขือเทศ แป้งพิซซ่าเป็นแบบแป้งบางทั้งกรอบและนุ่มในเวลาเดียวกัน อร่อยสุดๆ 


"Pizza Lardo e Funghi...กรอบ นุ่ม ยืด ในเวลาเดียวกัน อร่อยแบบไม่ต้องเติมซอสใดๆ เลย"
"ของคนอื่นๆ มากันหมดแล้ว เหลือแต่ของเรา...เราเลยต้องจัดไป"
จานที่  7 ของเรามาแล้ว จานนี้คือ "Fettuccini Smoked Salmon Cream Sauce (เส้นเฟตตูซีนีซอสครีมใส่ปลาแซลม่อนรมควัน)" เส้นเฟตตูซีนีได้ที่กำลังดีไม่เละและแข็งจนเกินไป ซอสครีมออกมันๆ หวานประแหล่มๆ ตัดกับความเค็มและหอมของแซลม่อนรมควัน แบบว่าลงตัวสุดๆ สำหรับเราเราว่าอร่อยดีนะจานนี้ 
"Fettuccini Smoked Salmon Cream Sauce...ชอบๆ"
จบของคาวแล้วมาต่อที่ของหวานกันต่อเลยดีกว่า อย่าให้ขาดตอน จัดมาจานแรก คือ  "Macaron" ลองสั่งมาชิม 4 รส ได้แก่ คาปูชิโน่ เชสนัท ช็อกโกแลตนูเทลล่า และมิกซ์เบอร์รี่ สำหรับ Macaron ซึ่งเป็นขนมที่เคยกินแล้วหลายๆ ร้านก็รู้สึกว่าทำใจให้ชอบขนมชนิดนี้ยาก แม้จะชิมของที่นี่แล้วก็ยังรู้สึกชอบมันยากอยู่ดี เค้าขอโทษ...
"Macaron...เราคงไม่ได้เกิดมาคู่กัน"

จานถัดมา คือ "Black Forest Cake" จานนี้โยกี้จัดมา ที่เลือกจานนี้เพราะโยกี้ชอบกลิ่นของเชอร์รี่ ด้านบนของเค้กเป็นเชอร์รี่เชื่อม ส่วนตรงกลางเค้กเป็นเชอร์รี่สด  ชิมแล้วอร่อยดีๆ ชอบๆ 
"Black Forest Cake..เนื้อเค้กนุ่ม ครีมสดหวานไม่จัด หอมกลิ่นเชอร์รี่ อร่อยได้ใจ"
จานสุดท้ายสำหรับมื้อนี้ คือ "Chocolate Lava Cake and Ice Cream" จานนี้ใช้เวลานานหน่อยประมาณ 15 นาที มาถึงก็รู้สึกอิ่มพอดี แต่ก็สู้ตาย เห็นหน้าตาแล้วก็อดใจไม่ได้ เนื้อเค้กถูกอบมาแบบร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ช็อกโกแลตก็หวานๆ ขมนิดๆ(นิดเดียว) ตัดกับไอศครีมรสวนิลาเย็นๆ อร่อยดี สุดท้ายก็ไม่มีเหลือ
"ปิดท้ายความอร่อยด้วย Chocolate Lava Cake and Ice Cream" 

มื้อนี้อาหารคาว 7 จาน อาหารหวาน 3 จาน สำหรับ 5 คน รวมแล้วราคา 1,435 บาท คิดแบบเข้าข้างตัวเองว่าไม่แพงเลยสำหรับอาหารอร่อยๆ และบรรยากาศดีๆ ในแบบครอบครัวอย่างนี้  การที่ได้มากินข้าวข้างนอกพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวแบบนี้แหล่ะความสุขเล็กๆ ของครอบครัวเรา ^_^ 

แล้วพวกเราจะมาอีกนะ "Anya's Place"